"สุริยะ" เชื่อโครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมัน เอ็นเอฟซีที ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการจัดส่งน้ำมันในระดับภูมิภาค
นายสุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการนำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารการนิคมอุตสหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้าการก่อสร้างโครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิง (NFCT Fuel Tank Farm Project) ของบริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ (อีอีซี) ที่มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การลงทุน เพื่อสร้างโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์เชื่อมโยง 3ระบบ ทั้งระบบถนน ระบบราง เรือ และอากาศโดยเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและเปิดโอกาสให้มีการค้าน้ำมันในระดับภูมิภาค เกิดการ
แข่งขันที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมนโยบายต่างๆ ของภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศได้เป็นอย่างดี
"โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงาน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับภูมิภาค รองรับความต้องการเชื้อเพลิงของภาคการขนส่งและคมนาคม และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐด้านต่างๆ รวมทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง"
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่การ กนอ. กล่าวว่า โครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมัน ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง บนพื้นที่ประมาณ 43 ไร่ โดยเป็นการเช่าพื้นที่ กนอ.ของบริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด ในนิคมอุตสากรรมมาบตาพุด เพื่อรองรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านพลังงาน และสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายในการจัดส่งน้ำมันระดับภูมิภาค ช่วยส่งเสริมและสนับสนุน นโยบายของภาครัฐเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศ โดยโครงการดังกล่าวฯผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมูลค่การลงทุนรวมโครงการ
อยู่ที่ประมาณ 2.57 พันล้านบาท หรือ ประมาณ 83 ล้านหรียญสหรัฐฯ โดยคาคว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564
"สำหรับการก่อสร้างคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมันของบริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด กนอ.มองว่ามีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนความเจริญเติบโตทางศรษฐกิจภายในประเทศเพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ต่อยอดสู่การพัฒนาทุกด้าน และตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชน มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาค เพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายน้ำมันของประเทศและภูมิภาคให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกัน"
ด้านนายณัฐพงษ์ รัตนสุวรณทวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด กล่าวว่า โครงการดังกล่าวฯ ถือเป็นการลงทุนเพื่อขยายขอบเขตธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลวของกลุ่มบริษัทเอ็นเอฟซี เพื่อสนับสนุนรายได้ให้แก่ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายและกระจายความเสี่ยงของการลงทุน บริษัทฯ มีความเชื่อ
มั่นว่า โครงการดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพและส่งผลให้ธุรกิจในภูมิภาคเติบโตมากยิ่งขึ้น
โครงการฯ ประกอบด้วย คลังน้ำมัน และถังจัดเก็บน้ำมันแก๊สโซลีนพื้นฐาน จำนวน 6 ถัง ขนาดความจุรวม 90 ล้านลิตร เพื่อใช้รองรับน้ำมันที่ขนถ่ายมาจากเรือขนน้ำมันนำเข้าขนาดกลาง(medium range) ก่อนที่จะขนสูบผ่าน 2 ทาง คือ
ผ่านท่อขนส่งน้ำมันเข้าสู่ระบบท่อส่งน้ำมันของผู้ประกอบการขนส่งน้ำมันทางท่อ และเข้าสู่เรือขนส่งน้ำมัน
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: 5 พฤศจิกายน 2563